ปวดศีรษะ
อาการปวดศีรษะ เป็นอาการผิดปกติที่พบได้บ่อย โดยอาจมีสาเหตุจากการเป็นโรคปวดศีรษะปฐมภูมิโดยตรง หรืออาจเป็นโรคปวดศีรษะทุติยภูมิ ซึ่งเป็นการปวดศีรษะจากอาการแสดงโรคอื่นๆ ได้แก่ ปวดศีรษะจากมีไข้ ความผิดปกติทางสายตา ความดันในสมองสูงเนื่องจากโรคหลอดเลือดสมอง เนื้องอกในสมอง หรือมะเร็งสมอง และปวดศีรษะจากอุบัติเหตุที่เกี่ยวกับสมอง เป็นต้น
การปวดศีรษะปฐมภูมิ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ปวดศีรษะไมเกรน (Migraine headache), ปวดศีรษะจากความเครียด (Tension headache) และ ปวดศีรษะคลัสเตอร์ (Cluster headache) ซึ่งการปวดศีรษะแต่ละประเภทมีสาเหตุ ลักษณะอาการปวด รวมไปถึงแนวทางการรักษาที่แตกต่างกันไป
1. ปวดศีรษะไมเกรน (migraine headache)
- พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายและเกิดในช่วงวัยรุ่นเป็นส่วนมาก
- ลักษณะอาการปวด จะปวดศีรษะแบบตุ้บๆ ตามชีพจร ส่วนมากจะเกิดอาการปวดศีรษะข้างเดียว แต่ในบางรายก็พบว่าเกิดทั้ง 2 ข้าง บริเวณที่ปวดจะเป็นด้านหน้าและด้านข้างของศีรษะความรุนแรงอยู่ในระดับปานกลางถึงมาก
- ระยะเวลาในการปวดประมาณ 4-72 ชั่วโมง
- อาการร่วมอื่น ๆ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร กลัวแสง กลัวเสียง บางคนอาจมีอาการนำ คือ มีการเห็นแสงวูบวาบ เห็นภาพมืดไปเป็นบางส่วน หรือมองเห็นภาพไม่ชัด
- ปัจจัยกระตุ้น ได้แก่ การอดอาหาร อาหารที่มีผงชูรส เนย ช็อกโกแลต เบียร์ แอลกอฮอล์ คาเฟอีน อาหารหรือผลไม้รสเปรี้ยว การมีประจำเดือน ความเครียด การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ อากาศร้อน กลิ่นที่รุนแรง แสงสว่างที่มากเกินไป เป็นต้น
การรักษา
การหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุนที่ทำให้ปวดศีระไมเกรน การประคบเย็นที่ศีรษะ การพักผ่อนที่เพียงพอ อยู่ในที่เงียบ ๆ มืด ๆ จะช่วยให้อาการปวดศีรษะดีขึ้น
การใช้ยาบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรน
ยาบรรเทาปวด สำหรับการปวดแบบไม่รุนแรง
|
ยาสามัญประจำบ้าน ได้แก่ Paracetamol
|
ยาลดการอักเสบที่ไม่ไช่สเตียรอด์ (NSAIDs) ได้แก่ Ibuprofen, Naproxen, Celecoxib, Etoricoxib
|
ยาบรรเทาปวด สำหรับการปวดที่รุนแรงมากขึ้น (จำเพาะเจาะจงกับการปวดศีรษะไมเกรน)
|
ยากลุ่ม Triptans ได้แก่ Sumatriptan, Eletriptan
|
ยาที่มีส่วนผสมของ Ergotamine ได้แก่ Ergotamine + Caffeine
|
ยาบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน
|
ได้แก่ Metoclopramide, Domperidone
|
การรักษาแบบป้องกัน ควรให้การรักษาแบบป้องกันเมื่ออาการปวดศีรษะรุนแรง ปวดมากกว่า 2 ครั้งต่อเดือน หรือปวดบ่อยจนต้องใช้ยามากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เนื่องจากรบกวนคุณภาพชีวิตผู้ป่วย โดยยาต้องคำนึงถึงโรคร่วมของผู้ป่วยด้วย เช่น ผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้าแนะนำให้ใช้ยา Amitriptyline เป็นต้น โดยให้ยาป้องกันเป็นระยะเวลา 3-6 เดือน โดยเริ่มจากขนาดต่ำแล้วเพิ่มขนาดยาจนถึงประสิทธิภาพที่ต้องการ จากนั้นเมื่อมีอาการปวดกำเริบลดลงแล้วจึงค่อยๆลดขนาดยาลงแล้วหยุดยา
กลุ่มยาลดความดัน
|
Propranolol, Metoprolol tartrate, Verapamil
|
กลุ่มยาต้านอาการซึมเศร้า
|
Amitriptyline
|
กลุ่มยากันชัก
|
Valproate, Topiramate
|
กลุ่มยา Calcitonin gene-related peptide (CGRP) monoclonal antibodies
|
Erenumab
|
ยาที่สามารถใช้ป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรน 2. ปวดศีรษะจากความเครียด(tension headache)
- พบได้บ่อยที่สุด และมักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
- ลักษณะอาการปวด ปวดเหมือนมีแถบมารัดรอบศีรษะ โดยทั่วไปจะปวดแบบบีบ ๆ แน่น ๆ หนักตื้อๆ แต่ไม่ตามจังหวะของชีพจร ปวดบริเวณศีรษะลงมาถึงท้ายทอย มักปวดทั้ง 2 ข้าง ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนแต่อาจมีอาการเบื่ออาหาร ความรุนแรงอยู่ในระดับน้อยถึงปานกลาง ผู้ป่วยยังคงดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- ระยะเวลาในการปวดประมาณ 30 นาที ถึง 7 วัน
- ปัจจัยกระตุ้น ความเครียด การใช้สายตามากเกินไป การพักผ่อนไม่เพียงพอ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆเช่น โรควิตกกังกล (anxiety) หรือโรคซึมเศร้า (depression) เป็นต้น
การรักษา
ให้ผู้ป่วยจัดการกับความเครียด และอาจใช้ยาที่ใช้รักษาอาการปวด เช่น paracetamol หรือ NSAIDs ร่วมกับการพักผ่อนก็เพียงพอ
3. ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ (cluster headache)
- พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
- ลักษณะอาการปวด ปวดศีรษะข้างเดียวอย่างรุนแรงแบบเป็นระลอกหรือเป็นชุด มีลักษณะการปวดตุบ ๆ บริเวณขมับ รอบตา หรือกระบอกตาข้างใดข้างหนึ่ง อาการปวดจะเกิดเป็นช่วง ๆ แต่ละช่วงนาน 15 – 180 นาที โดยอาการอาจเกิดทุกวันหรือเว้นวัน ส่วนใหญ่เกิดวันละ 1 – 2 ครั้ง แต่บางรายอาจเกิดบ่อยถึงวันละ 8 ครั้ง การปวดแต่ละชุด อาจใช้เวลาหลายวันถึงหลายสัปดาห์ และมีช่วงเวลาที่หายจากอาการปวดเป็นเดือนหรือเป็นปี
- อาการร่วม ได้แก่ น้ำตาไหล คัดจมูก น้ำมูกไหล ปวดบริเวณเปลือกตา หรือมีเหงื่อออกบริเวณด้านใดด้านหนึ่งของใบหน้า อาจพบอาการบวมที่เปลือกตา หนังตาตก (ptosis) รูม่านตาหด (miosis)
- ปัจจัยกระตุ้น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ กลิ่นฉุน ความร้อน
การรักษา
ประกอบด้วย ยาที่ใช้ลดอาการปวดและยาป้องกันเพื่อลดความรุนแรงและความถี่ของการปวด
ยาบรรเทาอาการปวด ได้แก่ ยา sumatriptan การฉีดยาจะสามารถลดอาการปวดภายใน 15 นาที, dihydroergotamine ชนิดฉีดสามารถลดอาการปวดได้อย่างรวดเร็วภายใน 5 นาทีเนื่องจากยามีผลทําให้หลอดเลือดหดตัวและจากผลดังกล่าวอาจก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น peripheral vascular spasm
ยาป้องกัน ได้แก่ ยากลุ่ม calcium channel blocker ได้แก่ verapamil, ยา steroid เช่น prednisolone, dexamethasone ในระยะสั้น, ยา litium , ยากันชัก เช่น valproate, topiramate
จัดทำโดย
ภญ.พัชรดา สุขปัต
เอกสารอ้างอิง
1.ธีระพงษ์ ศรีศิลป์. โรคระบบประสาท.โรคในร้านยา. ขอนแก่น:โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา;2561
2.Blau JN, Engle HO, Individualizing Treatment With Verapamil for Cluster Headache Patients.Headache 2004:44: 1013-8.
3.สมศักดิ์ เทียมเก่า. การใช้ยาอาการปวดศีรษะ [อินเทอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2564]. เข้าถึงได้จาก https://neurosci.kku.ac.th/wp-content/uploads/2019/05/Topic-Review.pdf
4.อรวรรณ ศิลปกิจ. อาการปวดศีรษะ. คูมือการดูแลผูมีปญหาสุขภาพจิตและจิตเวชสําหรับแพทย. กรมสุขภาพจิต 2544
5.ก้องเกียรติ กูณฑ์กันทรากร. CHROHNEIACD DAACIHLYE. Thai Journal of Neurology. 2016;32:27-37
6.ชนิดา กฤตสัมพันธ์. โรคปวดศีรษะ. จดหมายข่าวสุขภาพ หน่วยบริการเภสัชสนเทศ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา. [อินเทอร์เน็ต]. 2559 [เข้าถึงเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2564]. เข้าถึงได้จาก www.pharmacy.up.ac.th/Guest/may-june.59/1.pdf
7.TJ Steiner,EAMacGregor,PTGDavies. Guidelines for all healthcare professionals in the diagnosis and management of migraine, tension-type, cluster and medication-overuse headache. British Association for the Study of Headache. 3rd edition, 2007.
8.ปวดศีรษะไมเกรน รู้ทัน จัดการได้. [อินเทอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2564]. เข้าถึงได้จาก https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/february-2020/migraine-headache