หน้าหลัก > รายการ > แนวทางบำบัดฟื้นฟูสภาพผู้มีปัญหาการดื่มสุรา
แนวทางบำบัดฟื้นฟูสภาพผู้มีปัญหาการดื่มสุรา
แนวทางบำบัดฟื้นฟูสภาพผู้มีปัญหาการดื่มสุรา
30 Oct, 2021 / By salacrm01
Images/Blog/pAnlX6HU-แนวทางบำบัดฟื้นฟูสภาพผู้มีปัญหาการดื่มสุรา.jpg

แนวทางบำบัดฟื้นฟูสภาพผู้มีปัญหาการดื่มสุรา

     การดื่มสุราเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต พฤติกรรมการดื่มที่ก่อให้เกิดความเสี่ยง หรืออันตรายมีหลายลักษณะ ตั้งแต่การดื่มหนักทุกวัน ดื่มจนเมาบ่อย ๆ ดื่มจนเกิดปัญหาสุขภาพกาย หรือสุขภาพจิต หรือดื่มจนติดสุรา พฤติกรรมดังกล่าวก่อให้เกิดปัญหาทั้งต่อผู้ดื่มเอง ครอบครัว สังคม ปัญหาการสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมากในหลายสังคมทั่วโลก นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาสัมพันธภาพ เกิดอุบัติเหตุพิการบาดเจ็บ ต้องนอนโรงพยาบาล หรือเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

    จากผลการสำรวจปัญหาสุขภาพจิตในคนไทย พบคนไทยอายุ 18 ปีขึ้นไปที่มีความผิดปกติพฤติกรรมการดื่มสุรา หรือ alcohol use disorders จำนวน 2.7 ล้านคน โดยเป็นผู้ดื่มแบบอันตราย (alcohol abuse) 1.8 ล้านคน และเป็นผู้ดื่มแบบติด (alcohol dependence) จำนวน 9 แสนคน แต่ในจำนวนนี้เข้ารับบริการสุขภาพจากฐานระบบแฟ้มของกระทรวงสาธารณสุขในปี พ.ศ. 2559 เพียง 168,729 คน

การติดสุรา 
    การเสพติดเป็นกลไกตามธรรมชาติของร่างกายที่เกี่ยวข้องกับสารสื่อประสาทในสมอง (Neurotransmitter) ยาเสพติดกระตุ้นการหลั่งสารสื่อประสาทต่าง ๆ ซึ่งมีสารสื่อประสาทชนิดหนึ่งที่สำคัญเรียกว่า Dopamine ถูกหลั่งที่บริเวณสมองส่วนควบคุมอารมณ์ความพอใจ (Limbic system) ทำให้เกิดผลเหมือนได้รับรางวัล (Rewarding effect) จึงทำให้เกิดแรงจูงใจที่จะแสวงหา และใช้สารเสพติดนั้น

    ผลกระทบจากการดื่มสุราแบบมีความเสี่ยงสูง (Effects of high-Risk Drinking) ต่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต และสังคม ยกตัวอย่างดังนี้

  • อารมณ์ หงุดหงิดง่าย ภาวะเครียด หรือวิตกกังวล
  • ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดน้อยลง ป่วยง่ายขึ้น เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • ตับถูกทำลาย ตับอ่อนอักเสบ
  • มือสั่น มือชา
  • ภาวะซีด ภาวะเลือดออก ภาวะทุพโภชนาการ
  • แผลในทางเดินอาหาร
  • ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย
  • บุตรหลังคลอดมีความเสี่ยงเกิดมาพิการ น้ำหนักน้อย หรือพัฒนาการที่ช้า
  • ปัญหาทางด้านสังคม ครอบครัว การงาน และการเงินตามมา

 

                                                                                                    ​​​​​​

ภาพที่ 1 ผลกระทบจากการดื่มสุราแบบมีความเสี่ยงสูง

แนวทางบำบัดผู้ป่วยที่มีปัญหาการดื่มสุรา

     เพื่อลดความเสี่ยงและจำกัดขนาดความรุนแรงของปัญหาในกลุ่มผู้บริโภค และผู้ได้รับผลกระทบจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แนวทางป้องกันและควบคุมปัญหาดังกล่าวคือ การคัดกรองเพื่อค้นหาผู้ที่มีปัญหาการดื่มสุรา ประเมิน วินิจฉัยเบื้องต้นอย่างถูกต้อง รวมถึงการดูแลผู้ที่มีปัญหาการดื่มสุราตามความรุนแรงอย่างเหมาะสม

คัดกรองปัญหาการดื่มสุรา

    เพื่อให้ทราบระดับความรุนแรงของภาวะติดสุรา และวางแผนการให้ความช่วยเหลือต่อไป โดยใช้แบบสอบถามคัดกรอง Alcohol use disorders identification test หรือ AUDIT 2 ดังภาพที่ 2 และตารางที่ 1

ความหมายของการดื่มมาตรฐาน (Standard drink)

     1 ดื่มมาตรฐาน หรือ 1 DRINKS หมายถึง แอลกอฮอล์ที่ได้รับจำนวน 10 กรัม ตัวอย่างเช่น เบียร์ที่มีความเข้มข้น 5 เปอร์เซ็นต์ ดื่มโดยประมาณ 3 ใน 4 กระป๋อง (330 ซีซี) จะเท่ากับ 1 DRINKS เป็นต้น

การประเมินระดับความรุนแรงของปัญหาการดื่มสุราเบื้องต้น

1.ดื่มแบบเสี่ยงต่ำหรือไม่ดื่ม (Low Risk/Abstinence)

      ไม่ดื่มสุรามากกว่า 2 ดื่มมาตรฐานต่อวัน และไม่ดื่มมากกว่า 5 วันต่อสัปดาห์ หรือใน 1 สัปดาห์ต้องมีวันที่ไม่ดื่มเลยอย่างน้อย 2 วัน

2.ดื่มแบบเสี่ยง (Hazardous Drinker)

      พิจารณาจากปริมาณการดื่มต่อวันแยกตามเพศดังนี้         

- ผู้ชาย: มากกว่าหรือเท่ากับ 5 DRINKS

- ผู้หญิง: มากกว่าหรือเท่ากับ 4 DRINKS

3.ดื่มแบบอันตราย (Harmful Drinker) หรือ Alcohol Abuse  

    พิจารณาในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ผู้ป่วยดื่มสุราซ้ำๆ จนทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้หรือไม่ ถ้าตอบใช่ ตั้งแต่ 1 ข้อขึ้นไป ถือว่ามีปัญหา Alcohol Abuse

- ความล้มเหลวในบทบาทหน้าที่ ไม่ว่าเป็นที่ทำงาน ที่บ้าน หรือที่โรงเรียน เป็นต้น

- ความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ อันตราย เช่น เมาแล้วขับ ทำงานกับเครื่องจักร

- มีปัญหาทางกฎหมาย เช่น การถูกจับกุม ทำผิดกฎหมาย เป็นต้น

- มีปัญหาสัมพันธภาพ เช่น ครอบครัว เพื่อน เป็นต้น

4.การติดสุรา (Alcohol Dependence) ลักษณะที่สำคัญอย่างน้อย 3 ใน 7 อย่างต่อไปนี้

Tolerance ต้องเพิ่มปริมาณการดื่มมากขึ้นจึงได้ฤทธิ์ที่เท่าเดิม

  • Withdrawal มีอาการทางร่างกาย เมื่อไม่ได้ดื่ม
  • Impaired control ควบคุมการดื่มไม่ได้
  • Cutdown มีความต้องการอยู่เสมอที่จะเลิกดื่ม หรือพยายามหลายครั้งแล้วแต่ไม่สำเร็จ
  • Time spent Drinking หมกหมุ่นกับการดื่ม หรือการหาสุราสำหรับดื่ม
  • Neglect of activity มีความบกพร่องในหน้าที่ทางสังคม อาชีพการงาน หรือการพักผ่อนหย่อนใจ
  • Drinking despite problems ยังคงดื่มทั้ง ๆ ที่มีผลเสียเกิดขึ้น

ตารางที่ 1 การประเมินคะแนนจากแบบคัดกรอง AUDIT* เพื่อระบุความรุนแรงภาวะติดสุรา และการให้การช่วยเหลือ

Risk Zone

AUDIT

ระดับความรุนแรง (Risk Level)

การให้ความช่วยเหลือ

1

0 – 7

ดื่มแบบเสี่ยงต่ำ หรือไม่ดื่ม (Low Risk/Abstinence)

การให้ความรู้เรื่องการดื่มสุรา (Alcohol education)

2

8 – 15

ดื่มแบบเสี่ยง (Hazardous Drinker)

การให้คำแนะนำแบบสั้น (Brief advice)

ปรับทัศนคติ สร้างความตระหนัก

3

16 – 19

ดื่มแบบอันตราย (Harmful Drinker)

การให้คำแนะนำแบบสั้น (Brief advice)

และการให้คำปรึกษาแบบสั้น (Brief counseling)

เพิ่มแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

4

20 - 40

สงสัยภาวะติดสุรา (Alcohol Dependence)

ส่งไปพบแพทย์ เพื่อการวินิจฉัย และรักษา

  *AUDIT = Alcohol use disorders identification test           

ภาพที่ 2 แบบสอบถามคัดกรอง Alcohol use disorders identification test หรือ AUDIT

แนวการบำบัดรักษาภาวะถอนสุรา และป้องกันกลับมาเป็นซ้ำ

      อาการถอนสุราอาจเริ่มตั้งแต่หยุดดื่มครั้งสุดท้ายมักเกิดขึ้นภายใน 3-6 ชั่วโมง มีความรุนแรงมากที่สุดภายใน 2-3 วัน และหายไปภายใน 5-7 วัน การประเมินระดับภาวะถอนสุรานิยมใช้ Alcohol withdrawal scale (AWS) โดยหัวข้อประกอบไปด้วย 7 หัวข้อ อิงอาการของภาวะถอนสุรา ได้แก่ เหงื่อออก สั่น วิตกกังวล กระสับกระส่าย อุณหภูมิ ประสาทหลอน การรับรู้บุคคล วัน เวลา และสถานที่ นอกจากนี้การถอนพิษสุราอาจเกิดภาวะชัก Alcohol withdrawal seizures หรือ Rum Fits

    หากความรุนแรงของภาวะถอนสุราน้อย ๆ (คะแนน 1-4) อาจไม่จำเป็นต้องใช้ยา แนะนำให้ข้อมูลอาการถอนพิษสุรา นัดติดตามอาการอย่างใกล้ชิดหากมีอาการถอนสุราตั้งแต่ระดับปานกลางเป็นต้นไปควรได้รับยาเพื่อลดโอกาสการถอนพิษ หรือเพื่อให้ผู้ป่วยสงบลง ตัวอย่างเช่นยา Diazepam, Chlordiazepoxide เป็นต้น ทั้งนี้การรักษาภาวะถอนสุราควรปรึกษา หรือดูแลจาก บุคลากรทางการแพทย์ และติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเช่นกัน

   การรักษาด้วยยา (Pharmacological treatment) องค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ให้การรับรองยาสำหรับการรักษาการติดสุราเพียง 3 ชนิด 4 ขนาน คือ ยา Disulfiram (DSF), ยา Naltrexone ชนิดรับประทาน (NTX) และยา Naltrexone ชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อซึ่งสามารถออกฤทธิ์ได้นาน (extended-release injectable naltrexone, ERIN)

และยา Acamprosate (ACP) ยารักษาผู้ติดสุราทั้ง 3 ชนิด มีกลไกการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกัน มีผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน เหมาะสำหรับผู้ติดสุราที่มีลักษณะแตกต่างกัน ดังนั้นหากต้องการใช้ยาเหล่านี้ควรปรึกษาบุคลากรทางแพทย์ก่อนใช้ยาทุกครั้ง

 นอกจากการรักษาด้วยยาแล้วจะต้องคำนึงถึงอีก 3 S ได้แก่

  • Symptomatic Relief -การรักษาตามอาการ เพื่อบรรเทาอาการอื่นที่พบร่วม เช่น metoclopramide, antacid, kaolin mixture หรือ paracetamol
  • Supplement -การให้สารน้ำ อาหาร วิตามินเสริม เป็นการให้เพื่อทดแทนสารอาหารหรือเกลือแร่ที่บกพร่องไป เช่น thiamine, magnesium, phosphate, folate, zinc, vitamins A, D, E, C และ B เป็นต้น โดย thiamine (B1) ต้องให้อย่างน้อย 100 มก. ต่อวัน หากมีปัญหาการดูดซึมแนะนำให้ใช้วิธีฉีด B1 100 มก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (IM) หรือทางหลอดเลือด (IV) วันละ 3-5 ครั้ง หรือ B1 100 มก. รับประทาน 3 ครั้งต่อวัน
  • Supportive environment -การจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมในการดูแลผู้ป่วย ได้แก่ สงบ ปลอดภัย อากาศ ถ่ายเทสะดวก มีแสงสว่างเพียงพอ มีสิ่งรบกวนน้อย มีการให้ความรู้เกี่ยวกับอาการถอนพิษสุรา และสุขอนามัยในการนอนหลับ (sleep hygiene) ตลอดจนเทคนิคในการควบคุมพฤติกรรมและวิธีผ่อนคลายความเครียด

   การป้องกันกลับมาดื่มซ้ำ โดยหลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือปัจจัยเสี่ยงที่ให้เสี่ยงต่อการกลับไปติดสุราซ้ำหรือ High Risk Situation ที่เกี่ยวข้องทางด้านอารมณ์ แรงกดดันทางสังคม หรือปัญหาสัมพันธภาพ

 

จัดทำโดย

ภก.ศุภกร สมบุญมี

เอกสารอ้างอิง

1.คณะอนุกรรมการพิจารณาด้านการบำบัดรักษาฟื้นฟูสภาพผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์. แนวปฏิบัติการคัดกรองและบำบัดรักษาฟื้นฟูสภาพผู้มีปัญหาการดื่มสุรา. สำนักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์กรมควบคุมโรค: กระทรวงสาธารณสุข นนทบุรี;  2561.

2.Babor TF, Higgins-Biddke JC, Saunder JB, Monteiro MG. The alcohol use disorders identification test: guideline for use in primary care. 2nd ed. Geneva: World Health Organization; 2001.

3.พันธุ์นภา กิตติรัตนไพบูลย์, นพพร ตันติรังสี, วรวรรณ จุฑา, อธิป ตันอารีย์, ปทานนท์ ขวัญสนิท, สาวิตรี อัษณางค์กรชัย.ความชุกของโรคจิตเวชและปัญหาสุขภาพจิตของคนไทย: การสำรวจระบาดวิทยาสุขภาพจิตระดับชาติ ปี พ.ศ. 2556. ว.สุขภาพจิตแห่งประเทศไทย 2560; 25(1):1-19.

4.Robert S, Lorenzo L. Adjunctive pharmacotherapy in the treatment of alcohol and drug dependence. Evidence-based addiction treatment. n.p.: Academic press; 2009, p. 287-310.

5.Alcohol consumption. Centre for Clinical Psychology [Internet]. 2018 1 [cited 2021 March 14]. . Available from: https://ccp.net.au/alcohol/.

6.บุญศิริ จันศิริมงคล. แนวทางการบำบัดผู้ป่วยติดสุรา สำหรับสหวิชาชีพ สาธารณสุข. ประชุมวิชาการ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี; 7 สิงหาคม 2558; คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี. กรุงเทพมหานคร; 2558.

7.Bell CC. DSM-IV: Diagnostic and statistical manual of mental disorders. JAMA. 1994;272(10):828–829. doi:10.1001/jama.1994.03520100096046.

 

เพิ่มเพื่อน

 

Like
ความคิดเห็น (0)
ก่อนหน้า 1 ถัดไป
ร้านค้าออนไลน์
© 2006-2025
Vevo Systems Co., Ltd.