หน้าหลัก > ศาลา มีสาระ > โรคลมชัก (Epilepsy)
โรคลมชัก (Epilepsy)
โรคลมชัก (Epilepsy)
08 Nov, 2022 / By salacrm01
Images/Blog/FNyiIerw-ลมชัก.jpg

โรคลมชัก (Epilepsy)

          หากหลาย ๆ ท่านเคยรับชมละครอาจจะคุ้นเคยกับฉากที่มีตัวละครล้มลงกะทันหัน และตามมาด้วยอาการเกร็งหรือกระตุก บ้างก็เรียกอาการผีเข้า บ้างก็เรียกลมบ้าหมู แต่จริง ๆ  แล้วอาการที่เกิดขึ้นเป็นอาการที่แสดงถึงความผิดปกติในสมองแบบฉับพลันหรือลมชัก วันนี้เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักโรคลมชักและการปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือผู้ที่อาการลมชักกันค่ะ

          อาการชัก (Seizure) คือ อาการชักเกิดจากความผิดปกติของกระแสไฟฟ้าในสมองชั่วคราวก่อให้เกิดอาการผิดปกติเป็น ๆ หาย ๆ (Recurrent, Episodic)  โดยแต่ละครั้งมีอาการคล้ายกัน (Etereotyped) อาการผิดปกติที่แสดงออกขึ้นอยู่กับตำแหน่งของสมองที่มีความผิดปกติแบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่

  • Unprovoked: ผู้ป่วยที่มีอาการชักอย่างไม่ทราบสาเหตุหรือไม่มีปัจจัยกระตุ้น ซึ่งการชักในชนิด นี้ส่วนหนึ่งจะเป็นการชักครั้งแรกของผู้ป่วยที่เป็นโรคลมชัก โอกาสเกิดการชักซ้ำภายหลังชักครั้งแรกในผู้ป่วยกลุ่มนี้มีประมาณร้อยละ 25 - 50
  • Provoked: อาการชักที่ เกิดจากปัจจัยกระตุ้น ส่งผลให้การควบคุมอาการชัก (Seizure threshold) ลดลงชั่วคราว โดยอาการชักจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีกถ้าปัจจัยกระตุ้นนั้นหมดไป ซึ่งปัจจัยเหล่านั้น ได้แก่

- อาการเนื่องจากถอนสุรา (Alcohol withdrawal)

- อาการการถอนยา (Drug withdrawal) เช่น ยากลุ่ม Benzodiazepine

- การเปลี่ยนแปลงทางเมตาบอลิก เช่น Hypoglycemia, Hyperglycemia, Hyponatremia, Hypocalcemia

- สารเสพติดและ CNS stimulant อื่น ๆ เช่น Amphetamine

- Eclampsia

- การบาดเจ็บของศีรษะ

- การติดเชื้อในสมองและเยื่อหุ้มสมอง

- ไข้สูงในเด็ก

          โรคลมชัก (Epilepsy)  คือ ผู้ป่วยที่มีอาการชัก (Seizure) หรือมี Reflex seizure มากกว่า 2 ครั้ง โดยเกิดขึ้นห่างกันมากกว่า 24 ชั่วโมง อาการชักเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีปัจจัยกระตุ้นชัดเจน (Unprovoked factor)

พยาธิสรีระวิทยา (Etiology)

          โรคลมชักมีสาเหตุเกิดจากการเสียสมดุลของสารสื่อประสาท โดยมีสารสื่อประสาทที่ออกฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของสมอง Excitatory neurotransmitters เช่น Glutamate มากกว่าสารสื่อประสาทที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของสมอง Inhibitory neurotransmitters เช่น Gamma-aminobutyric acid (GABA) ทำให้เกิด Action potential ที่ถี่และมากเกินไปนำไปสู่การส่งกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติ และชักตามมาได้

แนวทางการวินิจฉัยผู้ป่วยที่มีอาการชักและโรคลมชัก

           การวินิจฉัย การจำแนกประเภท และการหาสาเหตุของอาการชักและโรคลมชัก ส่วนใหญ่ใช้ประวัติและการตรวจร่างกาย แต่บางครั้งอาจไม่พอจึงต้องอาศัยตรวจด้วยวิธีที่เหมาะสม และในการแปลผลการตรวจควรพิจารณาร่วมกับอาการทางคลินิกด้วยเสมอ

การตรวจแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่

1. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ

  • การวิเคราะห์เลือด
  • การตรวจน้ำไขสันหลัง

2. การตรวจการทางานของสมอง

  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (Electroencephalography, EEG)
  • Single photon emission computerized tomography (SPECT)
  • Positron emission tomography (PET)

3. การตรวจกายภาพของสมอง

  • Computed tomography (CT)
  • Magnetic resonance imaging (MRI)

เป้าหมายในการรักษา

1. ป้องกันไม่ให้เกิดอาการลมชักขึ้นอีก

2. ลดการเกิดอาการข้างเคียง ปฏิกิริยาระหว่างยา หรือการที่อาการชักเลวร้ายลง

3. เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โดยการเลือกยานั้นจะต้องดูสภาวะของผู้ป่วย และความพึงพอใจของผู้ป่วย เช่นการให้ Topiramate ซึ่งทำให้ง่วงมาก ดังนั้นจึงไม่เหมาะสมในผู้ป่วยที่เป็นนักเรียน หรือการให้ Sodium valproate ให้กับผู้ป่วยวัยรุ่นหญิงอาจไม่เหมาะสม เพราะยาทำให้น้ำหนักขึ้นและผมร่วง

4. มีความสะดวกและคุ้มค่าที่สุด

การรักษาด้วยยา

ยากันชัก (Anticonvulsants; Antiepileptic Drugs; AEDs) แบ่งได้ 2 ประเภท คือ

1. Classic antiepileptic drugs: เป็นยากลุ่มดั้งเดิมที่มีใช้มานาน ได้แก่ Phenobarbital, Phenytoin, Primidone, Valproate Carbamezepine, Ethosuximide

2. Newer antiepileptic drugs: เป็นยากลุ่มใหม่ ได้แก่ Leveteracetam, Pregabalin, Zonisamide, Oxcarbazepine, Vigabitrin, Lamotrigine, Topiramate, Lacosamide, Perampanel

การดูแลต่อเนื่องและการให้ความรู้ผู้ป่วยโรคลมชัก

1. เปิดทางเดินหายใจให้โล่ง จัดผู้ป่วยให้อยู่ในท่านอนหงายและตะแคงหน้า นำอาหารหรือฟันปลอมที่มีอยู่

ในปากออก และคลายเสื้อผ้าให้หลวมให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวก

2. จัดให้ผู้ป่วยนอนอยู่ในบริเวณที่ปลอดภัย ป้องกันอันตรายจากส่วนของร่างกายกระแทกกับของแข็ง

3. ห้ามใช้ไม้กดลิ้นหรือวัตถุใด ๆ สอดเข้าไปในปากหรืองัดปากผู้ป่วยขณะเกร็งกัดฟัน เพราะอาจเกิด

อันตรายฟันหักตกลงไปอุดหลอดลมได้

4. หากมีไข้สูง (อุณหภูมิร่างกายเกิน 38 องศาเซลเซียส) ให้เช็ดตัวลดไข้ ห้ามให้ยากินเพราะอาจสำลักได้

5. โทรศัพท์แจ้ง 1669 หรือรีบนำส่งสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

 

เรียบเรียง

ภญ.สุภัทรี นามวิชัยศิริกุล

อ้างอิง

1.Bendadis SR. Epileptic seizures and syndrome. Neurol Clin. 2001; 19:251-270.

2.King MA, Newton MR, Jackson GD, Fitt GJ, Mitchell LA, Silvapulle MJ, et al. Epileptology of the first-seizure presentation: a clinical, electroencephalographic, and magnetic resonance imaging study of 300 consecutive patients. Lancet 199; 352(9133): 1007

3.กาญจนา อั๋นวงศ์. แนวทางเวชปฏิบัติโรคลมชักสำหรับแพทย์. กรุงเทพฯ: ธนาเพรสจำกัด; 2559.

 

Like
ความคิดเห็น (0)
ก่อนหน้า 1 ถัดไป
ร้านค้าออนไลน์
© 2006-2024
Vevo Systems Co., Ltd.