Home Isolation & Home Quarantine Covid-19
21 Aug, 2021 / By
salacrm01
Home Isolation & Home Quarantine Covid-19
สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในประเทศไทยทวีความรุนแรงขึ้นทุกวันยังไม่มีวี่แววที่ลดจำนวนลงได้เลย แต่ทั้งนี้ผู้ป่วยโควิด-19 ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรงซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาแบบผู้ป่วยในของโรงพยาบาลหรืออยู่โรงพยาบาลเพียงระยะสั้นๆ แล้วไปพักฟื้นต่อที่บ้าน จึงได้มีคำแนะนำเกี่ยวกับการแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) อีกทั้งยังได้มีคำแนะนำการกักกันตัวที่บ้าน (Home Quarantine) สำหรับผู้สัมผัสเสี่ยงสูง
การกักกันตัว (Home Quarantine) แนะนำสำหรับผู้ที่สัมผัสเสี่ยง
- ใกล้ชิดหรือพูดคุยกับผู้ป่วยในระยะ 1 เมตร นานกว่า 5 นาที
- อยู่ในสถานที่อาการไม่ถ่ายเท ระยะ 1 เมตร เกิน 15 นาที
- ถูกไอจามรดจากผู้ป่วยที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย
- ให้สังเกตอาการตนเอง จนกว่าจะพ้นระยะฟักตัวของโรคอย่างน้อย 14 วัน
การแยกกักที่บ้าน (Home Isolation) สำหรับ
ผู้ป่วยที่วินิจฉัยใหม่ตามเกณฑ์ระหว่างรอเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลและแพทย์เห็นว่าสามารถดูแลรักษาที่บ้านระหว่างรอเตียงได้ที่เป็นไปตามเกณฑ์ต่อไปนี้
1.เป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ
2.มีอายุน้อยกว่า 60 ปี
3.มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
4.อยู่คนเดียวหรือที่พักอาศัยสามารถมีห้องแยกเพื่ออยู่คนเดียวได้
5.ไม่มีภาวะอ้วน (ภาวะอ้วน หมายถึง ดัชนีมวลกาย >30 กก./ม.2 หรือ น้ำหนักตัว > 90 กก.)
6.ไม่มีโรคร่วมดังต่อไปนี้ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคไตเรื้อรัง (CKD stage 3, 4) โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้และโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์
7.ยินยอมแยกตัวในที่พักของตนเอง
ผู้ป่วยที่อาการดีขึ้นแล้วและแพทย์พิจารณาให้กลับบ้านเพื่อรักษาต่อเนื่องที่บ้านได้
ข้อปฏิบัติในการกักกันตัวและแยกกันตัว
1.ไม่ให้บุคคลอื่นมาเยี่ยมที่บ้านและงดการออกจากบ้าน
2.อยู่ในห้องส่วนตัว หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับบุคคลอื่นในที่พักอาศัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ โรคไต โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคอ้วน
3.ต้องสวมหน้ากากอนามัยแม้ที่อยู่ในห้องส่วนตัว แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยไม่ให้ใช้หน้ากากผ้า
4.หากจำเป็นต้องเข้าใกล้ผู้อื่นต้องสวมหน้ากากอนามัยและอยู่ห่างอย่างน้อย 1 เมตร
5.หากไอจามควรอยู่ห่าผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร และให้หันหน้าไปยังทิศทางตรงข้ามกับที่มีผู้อื่นอยู่ด้วย
6.ทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์หรือล้างด้วยสบู่และน้ำเป็นประจำ ก่อนสัมผัสจุดเสี่ยงที่มีผู้อื่นในบ้านใช้ร่วมกัน เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได มือจับตู้เย็น ฯลฯ
7.ใช้ห้องน้ำแยกจากผู้อื่น หากจำเป็นต้องใช้ห้องน้ำร่วมกัน ให้ใช้เป็นคนสุดท้าย ให้ปิดฝาชักโครกก่อนกดน้ำ
8.การทำความสะอาดห้องน้ำและพื้นผิว ทำความด้วยน้ำและน้ำยาฟอกผ้าขาว เช่น ไฮเตอร์ โดยใช้ น้ำยาฟอกขาว 1 ส่วน ต่อน้ำ 9 ส่วน
9.ไม่ร่วมรับประทานอาหารกับผู้อื่น
10.ซักเสื้อผ้ามารถซักด้วยสบู่หรือผงซักฟอกธรรมดาได้
11.การทิ้งหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วและขยะที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่ง ให้ใส่ถุงพลาสติกและปิดปากถุงให้สนิทก่อนทิ้งขยะที่ฝาปิดมิดชิด และทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำและสบู่ทันที
12.กรณีที่เป็นมารดาให้นมบุตร ยังสามารถให้นมบุตรได้ เนื่องจากยังไม่มีรายงานพบเชื้อโควิด-19 ในน้ำนม แต่มารดาควรสวมหน้ากากอนามัยและล้างทุกครั้งก่อนสัมผัสหรือให้นมบุตร
คำแนะนำเพิ่มเติม
1.ให้คอยสังเกตอาการตนเอง โดยวัดอุณหภูมิและ oxygen saturation ทุกวัน
2.หากมีอาการแย่ลง ได้แก่ หอบ เหนื่อย ไข้สูงลอย ไม่สามารถปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ ให้รีบติดต่อโรงพยาบาลที่ท่านรักษาอยู่
3.เมื่อต้องเดินทางให้ใช้รถยนต์ส่วนตัวหรือรถที่โรงพยาบาลมารับ ให้ทุกคนในรถสวมหน้ากากอนามัยและเปิดหน้าต่างรถเพื่อเพิ่มการระบายอากาศ
อ้างอิง
1.แนวทางการเฝ้าระวังและสอบสวนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Disease 2019: COVID-19) ฉบับ 03 มีนาคม 2563 [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพฯ: กรมควบคุมโรค. [เข้าถึงเมื่อ 11 ก.ค. 2564]. เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/.../int.../int_protection_030164.pdf
2.แนวทางปฏิบัติสาหรับบุคลากรทางการแพทย์ในการให้คาแนะนาผู้ป่วยและการจัดบริการผู้ป่วยโควิด-19 แบบ Home Isolation ฉบับวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพฯ: https://covid19.dms.go.th/.../25640702093509AM_home...