น้ำมันปลาคืออะไร ?
น้ำมันปลา หรือFish Oil คือส่วนที่สกัดได้จากส่วนต่างๆของปลา โดยเฉพาะปลาในเขตหนาว ซึ่งในน้ำมันปลา จะมีกรดไขมันอยู่หลายชนิด ประกอบไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งจัดเป็นไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกายเนื่องจากร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ต้องได้รับจากสารอาหารเท่านั้น ในวงการแพทย์จึงให้ความสนใจถึงความมหัศจรรย์ที่มีอยู่ในน้ำมันปลา นักวิทยาศาสตร์สังเกตและพบว่าชาวเอสกิโม กรีนแลนด์และชาวญี่ปุ่น มีระดับไขมันในเลือดต่ำและมีปัญหาการเสียชีวิตจากโรคระบบหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหัวใจ ต่ำกว่าชนชาติอื่นๆ เพราะรับประทานเนื้อปลาทะเลเป็นอาหารหลัก
สารสำคัญในน้ำมันปลา
น้ำมันปลา เป็นสารประกอบของกรดไขมันที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ซึ่งอยู่ในกลุ่มของโอเมก้า 3 มี 2 ชนิด ได้แก่
1. EPA (Eicosapentaenoic Acid) มีคุณสมบัติเป็นสารต้านการอักเสบ (Powerful Anti-Inflammation) ลดอาการปวดอักเสบของโรคข้อเสื่อม จากโรคข้อรูมาตอยด์มีคุณสมบัติ ในการลดระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดและเพิ่มระดับ HDL-C ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลชนิดดีและยังช่วยลดความดันโลหิตสูงได้พร้อมทั้ง ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด และยังป้องกันการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคสมองขาดเลือด และโรคที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ประโยชน์ด้านสุขภาพผิว ช่วยลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่น จุดด่างดำ รวมถึงภาวะสิวอักเสบ ที่เกิดจากเซลล์ผิวเกิด กระบวนการอักเสบอย่างต่อเนื่องและเรื้อรัง ช่วยปกป้องผิวจากการรังสียูวี
2. DHA (Docosahexaenoic Acid) เป็นส่วนประกอบสำคัญของสมองและดวงตาช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมอง การเรียนรู้ ความจำ ตลอดจนระบบสายตา ให้เป็นไปอย่าง มีประสิทธิภาพ และช่วยดูแลสุขภาพผิวให้ชุ่มชื่นขึ้นจากภายใน
Vitamin E
วิตามิน อี (Vitamin E) หรือแอลฟา โทโคฟีรอล (Tocopherol) เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อกระบวนการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายได้ดีในไขมัน ป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบเรื้อรัง ชะลอการสูญเสียความทรงจำในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ที่มี ความรุนแรงปานกลาง มีส่วนช่วยลดความวิตกกังวล ความกระหาย และภาวะซึมเศร้าในผู้หญิงที่มีกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนหรือพีเอ็ม เอส (Premenstrual Syndrome: PMS)
คุณประโยชน์ของน้ำมันปลา
1.ช่วยบำรุงประสาทและสมอง ช่วยเพิ่มความจำและความสามารถในการเรียนรู้
2.ช่วยลดระดับไตรกรีเซอไรด์ และคอเลสเตอรอลที่เป็นอันตราย
3.ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจวายเฉียบพลัน
4.ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง และช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเส้นเลือดในสมองแตก
5.ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัวและช่วยลดการเกิดลิ่มเลือดในกระแสเลือด
6.ช่วยป้องกันการเกิดภาวะสมองเสื่อมหรือโรคอัลไซม์เมอร์ในผู้สูงอายุ
7.ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ ปวด บวมของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
8.ช่วยเพิ่มพัฒนาการในด้านสายตาและสมองของทารก
9.ช่วยรักษาและลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านม
10.ช่วยบรรเทาอาการคันและแห้งของโรคสะเก็ดเงิน
วิธีรับประทาน :
แนะนำให้รับประทานหลังอาหาร ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1-2 ครั้ง เนื่องจากน้ำมันปลาจะดูดซึมได้ดี
** ผู้ที่มีภาวะความดันต่ำ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำมันปลา เพราะน้ำมันปลาจะลดความดัน **
หลีกเลี่ยงการทานยาละลายลิ่มเลือด เช่น แอสไพริน, วาฟาริน, เฮปาริน และยาที่ทำให้เลือดไม่จับตัวกันแบบอื่น ๆ การกินร่วมกับน้ำมันปลาทำให้ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเลือดไหลไม่หยุด ท่านที่จำเป็นต้องกินยาละลายเลือดไม่แนะนำให้รับประทานน้ำมันปลา