สวนล้างช่องคลอด....จำเป็นจริงหรือ ?
ภาพประกอบจาก Kimberly Carney / Fred Hutch News Service
ความเชื่อและเหตุผลเกี่ยวกับการสวนล้างช่องคลอด
“การสวนล้างช่องคลอดช่วยลดโอกาสการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์”
“การสวนล้างช่องคลอดช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์”
“การสวนล้างช่องคลอดช่วยชำระล้างเลือดประจำเดือน”
“การสวนล้างช่องคลอดช่วยกระชับช่องคลอดทำให้คู่นอนพึงพอใจ”
“การสวนล้างช่องคลอดช่วยป้องการตั้งครรภ์”
“การสวนล้างช่องคลอดช่วยทำให้รู้สึกสะอาดและสดชื่น”
“การสวนล้างช่องคลอดช่วยลดอาการคันและระคายเคืองภายในช่องคลอด”
ที่มาและพื้นหลังของการสวนล้างช่องคลอด
การสวนล้างช่องคลอด เป็นการใช้ของเหลวชำระล้างเข้าไปภายในช่องคลอด โดยผลิตภัณฑ์สวนล้างช่องคลอดมักจะเป็นน้ำส้มสายชูเจือจางด้วยน้ำสะอาด รวมถึงโพวิโดนไอโอดีน กรดบอริก ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ สารฟอกขาว และโซเดียมไบคาร์บอเนต เป็นต้น โดยพฤติกรรมการสวนล้างช่องคลอดมักจะมีอิทธิพลมาจากบุคคลรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นมารดา พี่ ป้า น้า อา และเพื่อนของผู้ที่สวนล้างช่องคลอด ซึ่งมักจะสวนล้างช่องคลอดหลังการมีประจำเดือน ก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์
สาเหตุหลักที่ทำให้พฤติกรรมสวนล้างช่องคลอดเป็นที่นิยม เป็นเรื่องของความพึงพอใจส่วนตัว โดยมีผู้สวนล้างช่องคลอดมากถึงร้อยละ 80 บอกว่าการสวนล้างช่องคลอดช่วยทำให้รู้สึกสะอาดและสดชื่น, ร้อยละ 34 ใช้การสวนล้างช่องคลอดเพื่อชำระล้างเลือดประจำเดือน และร้อยละ 13 ใช้การสวนล้างช่องคลอดเพื่อกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเรื่องการสร้างความพึงพอใจให้คู่นอนของตน
ประโยชน์และผลข้างเคียงจากการสวนล้างช่องตลอด
ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่แสดงประโยชน์ของการสวนช่องคลอดที่ชัดเจน เพียงแต่ช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์เพียงชั่วคราว แต่มีการศึกษาจำนวนมากที่ชี้ให้เห็นถึงผลข้างเคียงของการสวนล้างช่องคลอด เนื่องจากปกติช่องคลอดมีเชื้อแบคทีเรียและยีสต์อาศัยอยู่ร่วมกัน โดยเชื้อแบคทีเรียที่พบมากที่สุด คือ Lactobacillus acidophilus ซึ่งเป็นเชื้อรูปทรงแท่งแกรมบวกชนิดใช้ออกซิเจน ที่สร้างไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ นอกจากนี้ยังมีฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นตัวกระตุ้นให้เซลล์เยื่อบุช่องคลอดสะสมไกลโคเจน แล้วถูกเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวย่อยสลายเป็นน้ำตาลเชิงเดี่ยวและเปลี่ยนเป็นกรดแลคติก ทำให้สภาพแวดล้อมภายในช่องคลอดจะมีสภาพเป็นกรด และมีค่า pH อยู่ในช่วง 3.8-4.2 มีผลทำให้แบคทีเรียก่อโรค ได้แก่ Gardnerella vaginalis, Peptostreptococcus spp., Mycoplasma hominis, Mobiluncus spp., Prevotella spp. เป็นต้น ถูกยับยั้งไม่ให้เจริญเติบโตได้ แต่ผู้ที่สวนล้างช่องคลอดเป็นประจำจะทำให้สภาพความเป็นกรดดังกล่าวถูกเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้แบคทีเรียก่อโรคเจริญเติบโตขึ้นมาแทนที่ทำให้เกิดตกขาวชนิดติดเชื้อแบคทีเรียได้ ซึ่งพบว่ามีแบคทีเรียก่อโรคมากกว่า 20 ชนิด
ภาพประกอบจาก Fred Hutch News Service
|
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาเพิ่มเติมอีกว่าการที่สภาพแวดล้อมภายในช่องคลอดเป็นกรดยังสามารถยับยั้ง การกระตุ้น CD4 Lymphocyte ซึ่งเป็นเซลล์เป้าหมายของเชื้อ HIV ภายในช่องคลอดได้อีกด้วย การสวนล้างช่องคลอดจึงเพิ่มโอกาสการติดเชื้อติดเชื้อ HIV จากสภาพความเป็นกรดที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงทำให้เซลล์เยื่อบุของช่องคลอดถูกทำลายไปบางส่วนทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น การติดเชื้อ HPV เริมบริเวณอวัยวะเพศ หนองในแท้ และหนองในเทียม เป็นต้น ซึ่งความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HPV ที่เพิ่มมากขึ้นนี่เองทำให้อุบัติการณ์ของมะเร็งปากมดลูกมีโอกาสเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ 16 และ 18 ที่มีความสัมพันธ์ต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกนั่นเอง
หลังจากที่มีหลายการศึกษาแสดงถึงผลของความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่เพิ่มขึ้นจากการสวนล้างช่องคลอด ผลการศึกษาดังกล่าวยังแสดงถึงความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันกับการเกิดภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน รวมถึงเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ
ภาพประกอบจาก อ.พญ.เจนจิต ฉายะจินดา /ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
การศึกษาผลข้างเคียงจากการสวนล้างช่องคลอดไม่เพียงแต่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เท่านั้น แต่ยังพบว่าในผู้ที่ทำการสวนล้างช่องคลอดขณะตั้งครรภ์ยังมีโอกาสคลอดก่อนกำหนดมากกว่าผู้ที่ไม่สวนล้างช่องคลอดขณะตั้งครรภ์ถึง 1.9 เท่า และมีโอกาสตั้งครรภ์นอกโพรงมดลูกเพิ่มขึ้นร้อยละ 76
วิธีการดูแลและทำความสะอาดช่องคลอดที่ถูกต้อง
เนื่องจากสภาพแวดล้อมภายในช่องคลอดเป็นสภาวะที่มีความสมดุลระหว่างเชื้อแบคทีเรียและยีสต์ โดยป้องกันการเกิดเชื้อก่อโรคตามธรรมชาติอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องทำการสวนล้างช่องคลอด แต่สำหรับวิธีการดูแลช่องคลอดให้สะอาด ไม่ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์อาจทำได้ดังนี้
1. ควรล้างด้วยน้ำสะอาด และซับเบา ๆ ทุกครั้ง เพื่อป้องกันการอับชื้นหลังจากเข้าห้องน้ำ
2. ใช้กางเกงชั้นในที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติ ไม่ควรใช้กางเกงใช้ในที่ทำมาเส้นใยสังเคราะห์ เพื่อให้เกิดการถ่ายเทอากาศใต้ร่มผ้า ไม่ชุ่มเหงื่อ
3. หากใช้สารกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ให้ใช้เฉพาะบริเวณภายนอกช่องคลอด เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อช่องคลอด
4. หากมีประจำเดือนควรเปลี่ยนผ้าอนามัยเป็นประจำ เพื่อรักษาความสะอาดและป้องกันการอับชื้น
เรียบเรียงโดย
ภก.กรกฎ กลิ่นประหลาดเรียบเรียงโดย
เอกสารอ้างอิง
1. Cottrell BH. An updated review of evidence to discourage douching. MCN Am J Matern Child Nurs. 2010 Mar-Apr;35(2):102-7
2. เจนจิต ฉายะจินดา. ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. สวนล้างช่องคลอด สะอาดจากภายในสู่ภายนอกจริงหรือ. [ออนไลน์] 2554; สืบค้นจาก: https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=943 สืบค้นเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563.
3. ชัยเลิศ พงษ์นริศร. ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ภาวะตกขาว. [ออนไลน์] 2553; สืบค้นจาก: https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/index.php?option=com_content&view=article&id= 413:leukorrhea&catid=42&Itemid=479 สืบค้นเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563.
4. ปวีณา สนธิสมบัติ, กิ่งกาญจน์ วิจิตร, พิจตรา หงส์ประสิทธิ์, ศิริกานต์ ศรีโสภา, เสริมวุฒิ จันทร์นวล. Evidence-based pharmacotherapy of common diseases in community. พิมพ์ครั้งที่ 1. พิษณุโลก: สุวรรณการพิมพ์, 2559.
5. Keown S. Fred Hutchinson Cancer Research Center. Don’t douche, and other lessons about the vaginal microbiome. [ออนไลน์] 2558; สืบค้นจาก https://www.fredhutch.org/en/news/center-news/2015/04/lessons-about-vaginal-microbiome.html สืบค้นเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563.
6. ชัยยศ ธีรผกาวงศ์. ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. มะเร็งปากมดลูก. [ออนไลน์] 2555; สืบค้นจาก: https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=943 สืบค้นเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563.
7. Holland K. Healthline Media a Red Ventures Company. What Is a Douche and Is Douching Safe?. [ออนไลน์] 2560; สืบค้นจาก: https://www.healthline.com/health/womens-health/what-is-a-douche#function สืบค้นเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563.
8. กองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. การทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น เรื่องไม่ลับ ที่ผู้หญิงอยากรู้. [ออนไลน์] 2562; สืบค้นจาก: http://pca.fda.moph.go.th/public_media_detail.php?id=6&cat=73& content_id=1770 สืบค้นเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563.
9. MIMS online [Internet]. Betadine Vaginal Douche 10% : MIMS Philippines; 2020.; [cited 2020 Nov 12]. Available from: https://www.mims.com/philippines/image/info/betadine%20vaginal%20douche%2010 percent/100%20mg-ml%20x%20120%20ml?id=d3860cab-f0a6-4fd7-b760-a5a6010a4b28